ตัวอย่างผู้เข้าฝึกเจริญสติ สำหรับโรคทางใจ - MENTAL DISORDER CASES:
สอนเป็นวิทยาทาน เพื่อร่วมเผยแผ่หลักพุทธธรรม และช่วยเหลือสังคมโดย อณิวัชร์ เพชรนรรัตน์
ชมรมศูนย์เจริญสติ กทมฯ โทร 097 984 9355 true - LINE ID: aniwat5593
21 พ.ค. 2564
หญิงอายุ 63 เกษียณแล้ว กทม
ปัญหาแฟน ลูก เริ่ม เศร้า ตอนทำงาน และเป็นนิสัยติดตัว
สาเหตุ - พื้นฐานจิตใจ ครอบครัว ความรู้ด้านจิตวิทยา ธรรมะ
กินยามา 6 เดือน แล้ว
20. มี.ค. 2564
หญิงอายุ 30 กำลังจะแต่งงาน กทม
สาเหตุ - พื้นฐานคิดลบ มีประสบการณ์ลบกับญาติ อ่อนไหว ไม่ยืดหยุน
19. กรณีศึกษา : มี.ค. 2564
กินยาจิตเวชมา 2 ปี
ฝึกสติพัฒนาโรคทางใจ จนถึง ปี 2566 ได้ผลดีขึ้นมาก พึ่งตัวเองได้มาก คิดบวกเพิ่มขึ้น
18. กรณีศึกษา : ก.พ. 2564
ผู้เข้ารับการฝึก : ชายไทย อายุ ไม่เกิน 30 รับราชการ (ยังไม่ได้พบ จิตแพทย์ หรือทานยาจิตเวช)
สอน สติคลายเครียด Mindfulness Stress Reduction
เพื่อแก้ไขปรับปรุง อารมณ์โกรธโมโหรุนแรงทันทีและเครียดในการทำงาน
1.ปัญหาที่เกิด: อารมณ์โกรธ โมโห รุนแรง ไม่พอใจในงาน มีความทุกข์ในหน่วยงาน จนเกิดคิดลบ อารมณ์ลบ
หงุดหงิดโมโหง่ายและมีกิริยาทันที
2.เหตุ: จากการเลี้ยงดูในครอบครัว อารมณ์ผู้ปกครอง และพื้นฐานจิตใจของตนเอง
3.เป้าหมาย: ต้องการให้ความทุกข์ โกรธ อารมณ์รุนแรง โมโหง่าย ลดลง และสร้างความคิดบวก พอใจพอเพียงในงานที่ทำอยู่
4.วิธีการ: สอนเจริญสติ (ทุกวัน) คู่กับหลักจิตวิทยา – คิดบวก กุศล มองโลกในแง่ดี เรียนรู้ เหตุและผล
โดยให้ฝึกต่อเนื่องเป็นเวลา 2 เดือน พร้อมกับโทรส่งรายงานเป็นระยะ
และมีการสนทนากลุ่มอาทิตย์ละครั้งที่ชมรมศูนย์เจริญสติ วัดลาดพร้าว
-----------------------------
14. กรณีศึกษา : วันที่ 3 ต.ค. 2562
ผู้เข้ารับการฝึก : อาการโรคซึมเศร้า เริ่มมาฝึก เจริญสติ ช่วงเดือน เมษายน 2562
หญิง อายุประมาณ 35 ปี ทำงานเลขานุการ จบปริญญาโท
พึ่งลาออกจากงานเลขาฯ มาอยู่บ้าน
เคยทานยา Stresam 50mg มาประมาณ 6 เดือน
ปัญหาที่เกิดขึ้น:
-มีอาการซึมเศร้า บางครั้งมีปัญหาเรื่องการนอนหลับยาก ขาดความมั่นใจ คิดลบส่วนมาก และเกิดผลต่ออารมณ์ลบ เวลาทานข้าวกับครอบครัวญาติผู้ใหญ่ คิดว่าไม่รู้จะพูดอะไร อึดอัด
-ที่ทำงาน ไม่เข้าใจเพื่อนร่วมงาน คิดลบกับเพื่อนร่วมงาน ไม่มีความสุขในที่ทำงาน ปรับตัวเข้ากับเพื่อนไม่ได้ สุดท้ายต้องลาออกจากงาน เพราะมีความทุกข์ ปรับแนวคิดกับเพื่อนไม่ได้ และไม่ค่อยมีเพื่อน
-ทานยา Stresam ก็ไม่ค่อยดีขึ้น
สาเหตุ:
-จากนิสัยส่วนตัว เริ่มสะสมมานานแล้ว
-จากการเลี้ยงดูในครอบครัว
วิธีการฝึก:
-สอนจิตวิทยาพื้นฐาน ให้รู้ทัน คิดลบ อารมณ์ลบ และหางานทำ อย่าให้ว่าง
-ฝึกเจริญสติ ในท่า นั่ง เดิน ระหว่างวัน และนอน ที่บ้านทุกวัน
ที่ชมรมศูนย์เจริญสติ วัดลาดพร้าว
คู่กับ ความรู้ด้าน จิตวิทยาเชิงบวก / คิดบวก / เรื่อง เหตุและผล / หลักธรรมอื่นๆ และ การสนทนากลุ่ม โดยประเมินผล เป็นระยะๆ หลังฝึกไปหลายครั้ง และโทรรายงานส่งช่วง เดือนแรก จากนั้นกลับไปฝึกเองทุกวัน
ผลที่ได้:
หลังจากฝึกไปได้ 5 เดือน ปัจจุบันจากการสอบถาม เขากลับมาเป็นปกติมาก
อาการซึมเศร้าไม่มี เวลามีคิดลบมาจะมีสติรู้ทัน แล้วคิดบวกได้ ทำให้มีความสุข
ตอนนี้เป็นปกติดี มีสุข หางานทำไม่ให้ว่าง จนตนเองรู้สึกแปลกใจว่า นิสัยเปลี่ยนไป
คิดลบ อารมณ์ลบ เก่าๆ หายไปเกือบหมด ดีใจมาก และยอมรับวิธีการฝึกที่ชมรมว่าได้ผลดีมาก
แต่ยังแนะนำให้ฝึกเจริญสติทุกวันไปตลอด เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำได้เมื่อเจอสถานการณ์ไม่คาดหวังได้
เดือนหน้าจะไปพบหมอ เพื่อขอลดยา และอาจหยุดยาจิตเวชได้เร็วๆ นี้ ตอนนี้ทานยาเพียงวันละเม็ดก่อนนอนเท่านั้น
การสอนสตินี้คล้ายกับ การสอน สติบำบัดโรค (Mindfulness-Based Cognitive Therapy) ของทางตะวันตกตามหลักจิตวิทยาการแพทย์
จากงานวิจัยพบว่า การเจริญสติ Mindfulness Meditation มีประโยชน์มากแก่ เช่น แก่สมอง จิตใจ อารมณ์ พฤติกรรม การดำรงชีวิต การเรียน การทำงาน ครอบครัว ตนเอง ทุกวัย ทุกศาสนา ทุกหน่วยงาน และทุกสถานที่ ซึ่งปัจจุบันเป็นที่นิยมมากแก่ชาวต่างชาติทั่วโลกขณะนี้ เกือบ 1 ล้านคน
กราบขอบพระคุณ วัดลาดพร้าว ที่เอื้อเฟื้อสถานที่ ซึ่งร่วมช่วยเหลือสังคม
ตามหลักปฏิบัติของพุทธศาสนา เรื่อง อานาปานสติ และ สติปัฏฐาน
13. กรณีศึกษา : วันที่ 23 พ.ย. 2561
มีอาการหูแว่ว ติดในนิมิตเสียง เกิดนิมิตคำพูด นิมิตภาพหลอน อาการตึงศรีษะ/หน้าผาก นอนหลับยาก เครียด
อันตรายจาก การนั่งสมาธิ ที่ขาดสติ ขาดครูสอน สอบอารมณ์อย่างต่อเนื่อง
และนั่งสมาธิ ติดนิมิตเป็นเวลานาน ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทั้ง ฆราวาส หรือ แม้แต่พระภิกษุ
ผู้เข้ารับการฝึก :
เมื่อฝึกผ่านไปประมาณ 3 สัปดาห์ นิมิตเสียง น้อยลงมา เสียงก็ดังเบาลงมาก นอนหลับได้เร็วขึ้น
การเจริญสติ Mindfulness Meditation มีประโยชน์มากแก่ เช่น แก่สมอง จิตใจ อารมณ์ พฤติกรรม การดำรงชีวิต การเรียน การทำงาน ครอบครัว ตนเอง ทุกวัย ทุกศาสนา ทุกหน่วยงาน และทุกสถานที่ ซึ่งปัจจุบันเป็นที่นิยมมากแก่ชาวต่างชาติทั่วโลกขณะนี้
แล้วไม่สามารถประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้
เกิดความกลัว คิดลบ คิดมาก ไม่อยากไปไหน กังวล
โดยเฉพาะช่วงเย็น มืดค่ำ จะคิดลบ วนเวียนเรื่องเดิมๆ
เคยทานยามา 3 เดือน แล้วหยุดไป 1 ปี แล้วกลับมาเป็นอีก
ได้โทรมาเพื่อขอฝึก เจริญสติ คู่ เหตุผล ความรู้ ปัญญา
ต่อเนื่องทุกวันๆ ละ 15 นาที เช้า เย็น
เป็นเวลา 9 เดือน จนติดเป็นนิสัย และเกิดผลดีมาก
ระหว่างวัน ทำงานได้ปกติ คิดบวกมากขึ้น
ไปเที่ยวห้าง เดินข้างนอกคนเดียวได้
ไม่มีกลัวความมืด ช่วงเย็น/กลางคืน
ใจไม่สั่นอีกแล้ว เป็นปกติดี ทำงานได้ผลงานดี
เพราะการเจริญสติ กับ การคิดบวก กุศล จะช่วยพัฒนา
กระตุ้นสมองด้านดี และควบคุมสมองฝ่ายลบ
อาจจะกลับมาเป็นได้อีก สำหรับ ป้องกัน คิดลบ/อารมณ์ลบ
ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ดังนี้
11. กรณีศึกษา : เม.ย. 2561
***สติปัฏฐาน/ปัญญา กับ โรคแพนิค PANIC DISORDER
การสอน เจริญสติสำหรับโรคแพนิค ตื่นตระหนก Panic Disorder โรควิตกกังวล Anxiety Disorder
-ปัจจุบัน วัยรุ่น คนอายุน้อย คนทำงาน ป่วยกันมาก
-ขอร่วมแบ่งปันประสบการณ์ วิธีสอนบรรเทาโรคแพนิค แก่ วัดและพระสงฆ์ที่กำลังช่วยเ
การสอนปฏิบัติ (อานาปานสติ และสติปัฏฐาน) คู่กับ การสอนหลักทฤษฎี ด้วย อริยสัจ ๔ /
หลักจิตวิทยา / คิดบวก / หลักเหตุผล และ พุทธธรรม ในการบรรเทา โรคแพนิค Panic Disorder
ตัวอย่าง -แม่บ้านหญิง ทำธุรกิจส่วนตัว อายุ 26 ปี ได้ติดต่อ เพื่อขอรับการช่วยเหลือ บรรเทา บำบัด โรคแพนิค วิตกกังวล และเครียด ***สอนทางโทรศัพท์ โดยไม่เคยพบกัน***
1. ปัญหาที่เกิด
-มีอาการตื่นตระหนก เครียด คิดลบ คิดบวกหาทางแก้ไขปัญหาไม่เป
-เมื่อเกิดอาการ จะหายใจถี่ กลัว ใจสั่น คิดฟุ้งซ่าน กลัวตาย วิงเวียนจะเป็นลม อึดอัดแน่นหน้าอก
กลืนข้าวไม่ลง มือเท้าเย็น เมื่อเกิดอาการตื่นตระหนก
-อาการจะเกิดขึ้นหลายครั้งเมื่อเดินทางไปถึงสถานที่เด
2. เหตุของปัญหา
เริ่มมีอาการตั้งแต่ ธ.ค 60 และเริ่มมีอาการรุนแรงบ่อยข
เมื่อเดือน มี.ค 61 จึงไปรักษากับ จิตแพทย์ เมื่อ มี.ค 61
และพึ่งทานยามาประมาณ 1 เดือน หมอวิเคราะห์ว่าเป็น โรคแพนิค Panic Disorder
-ปัญหาครอบครัว คิดมาก คิดลบ เครียด
-ปัญหาส่วนตัว คิดด้วยตัวเองในการแก้ปัญหา
-ตนเอง และครอบครัวไม่สามารถช่วยเหลือได้
3. เป้าหมาย
เพื่อบรรเทาช่วยเหลือ อาการแพนิค เครียด คิดลบ
เพื่อบรรเทาความทุกข์
เพื่อสร้าง สติ และ ปัญญาความรู้เชิงบวกกุศล
เพื่อความสุขในตน ครอบครัว และการทำงาน
เพื่อไม่ต้องการทานยา เพราะเกิดผลข้างเคียงมากต่อ
ต้องการฝึกเจริญสติ เพื่อบรรเทาโรคแพนิค ด้วยตนเอง
4. วิธีการฝึก
-เตรียม สมุด จนบันทึก การสอน หลักการ คิดบวก การสนทนา สิ่งที่ได้เรียนรู้ และเหตุการณ์ระหว่างวัน
-สอนเรื่อง ความคิดลบ อารมณ์ลบ ความรู้สึกทางร่างกาย/ใจ และพฤติกรรม
-สอนให้ฝึกกระตุ้นสมอง คิดบวก ในเรื่องลูก และความคิด อารมณ์ตนเอง
-สอน วิธีการเจริญสติ ด้วย อานาปานสติคู่ กับ สติปัฏฐาน ในการรับรู้ต่างๆ โดยเฉพาะฝึกให้รู้ทัน ความคิด อารมณ์ลบ อาการต่างๆ
***ให้ฝึกเองที่บ้านทุกวัน - เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน
เมื่อรู้ทันแล้ว เพียงรู้เฉย ปล่อยวาง จากนั้นย้ายไปรับรู้อารมณ์อ
*****การเจริญสติ ฝึกทำใน 4 อิริยาบถ ดังนี้
1) นั่งสติ - เช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอน ครั้งละ 15 นาที หรือทำเพิ่มได้เมื่อมีเวลาว
2) เดินสติ - ทำครั้งละ 15 นาที ร่วมกับนั่งสติ
3) สติในระหว่างวัน - ฝึกทำเองทุกวัน แล้วรายงานการฝึกช่วงเย็น
4) นอนสติ – เพื่อให้มีสติ ปล่อยวางความคิด ทำให้หลับเร็ว
ช่วงค่ำให้บันทึกการฝึกลงใน
-สอนให้เพิ่ม การดื่มน้ำเปล่าทุกชั่วโมงใ
-สอนให้ ฝึกการแกว่งแขน 200 หลังดื่มน้ำ ก่อน เจริญสติ เพื่อให้เลือดหมุนเวียน เพิ่มคุณภาพเลือดไปเลี้ยงสม
-ให้ทานผลไม้สลับกัน ทุกวัน ช่วงท้องว่าง ไม่ทานหลังอาหาร
-สอนหลักการด้านทฤษฎี ของพุทธธรรมและจิตวิทยา ในแต่ละสัปดาห์ รวม 9 ครั้ง
5. ผลที่ได้รับ จากรายงานการบันทึก และสนทนาสอบถาม เริ่มฝึกตั้งแต่ วันที่ 28 เม.ย. 2561
เมื่อผ่านไปเกือบ 1 อาทิตย์ ในวันที่ 1 พ.ค. 2561 เกิดอาการแพนิค บนรถเมล์ค่อนข้างรุนแรง
– แต่ได้ใช้หลักการและเจริญสต
โดยไม่ได้ใช้ยาใดๆ ทำให้ถึงที่หมายโดยปกติ ฝึกเจริญสติ ประจำทุกวัน เข้าใจที่สอน ทันความคิด อารมณ์มากขึ้น รู้วิธีจัดการอาการ เกิดอาการขึ้นอีก สอง/สาม ครั้ง แต่ก็ควบคุมได้ด้วยสติ/
ผ่านมาจนถึง ก.ค. 61 อาการแพนิค ยังไม่เกิดขึ้นอีก ความทุกข์หายไปราว 80-90% จากการสนทนา ฝึกทำได้ดี คิดบวกมากขึ้น ตอนนี้มีความสุขสงบ รู้เฉย ปล่อยวางได้มาก และทำงานดีขึ้น
6. -สอนให้ฝึกต่อเนื่องไปตลอด เพราะอาจกลับมาเป็นได้อีกใน
และเตรียมพร้อมรับมือต่ออาก
กรณีตัวอย่างนี้ - สิ่งที่ทำให้อาการบรรเทาอย่
ตั้งใจฝึกเจริญสติ มีศรัทธา เข้าใจในหลักการ ได้ทำการบ้าน และโทรส่งรายงานผลประจำ
นอกจากโรคแพนิค แล้ว การเจริญสติ ยังสามารถช่วยเหลือ โรคซึมเศร้า วิตกกังวล เครียด นอนหลับยาก ย้ำคิดย้ำทำ ได้ผลดีด้วย ถ้าฝึกปฏิบัติตามเป็นประจำอ
จากประสบการณ์การสอนแก่เด็กนักเรียน การสอนธรรมะแก่เด็กนักเรียนที่ได้ผลดีอย่างหนึ่ง ที่เหมาะกับความต้องการของเขา คือ การสอนเจริญสติ ให้เด็กรู้ทัน ความคิด เพื่อเอาไปใช้ในห้องเรียน และขณะอ่านหนังสือ เมื่อเด็กมีสติ ได้ผลการเรียน วันหลังจะเริ่มสนใจมากขึ้นเองตามลำดับ และได้เพิ่มการสอน สติ/ปัญญา ใน 4 ด้าน คือ
2. ในครอบครัว
3. สังคมเพื่อน
4. ที่ทำงาน ในอนาคต ต่อไป
แต่ถ้าสอนแต่ทฤษฎี คำภาษายากๆ เข้าใจยาก ประยุกต์เองไม่เป็น เด็กจะเบื่อ และอาจมีอคติ กับ พุทธศาสนา เลยก็เป็นไปได้ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนมาก แม้แต่พระบวชใหม่ตามประเพณี ก็เช่นเดียวกัน
9. กรณีศึกษา : เม.ย. 2561
ผู้เข้ารับการฝึกสติ 17 เมษายน 2561
หลับยาก เป็นมาหลายเดือนแล้ว ต้องกินยานอนหลับ
วันละประมาณ ๑๐ ครั้งๆ ละ ๑ นาที
ต่อมามีโรคกรดไหลย้อนเพิ่มด้วย
เคยเป็นแพนิคมา เริ่มตั้งแต่ปี 2546
เลยเจ็บป่วย นอนไม่หลับ จุกคอ ใจสั่น มือเท้าเย็น วิงเวียน
รู้สึกตัวโคลงเคลง ทำให้มีปัญหากับสามี แต่ต่อมากลับมาคืนดีกันเป็นปกติจนทุกวันนี้
แล้วย้ายไปรักษาที่ รพ อาภากรณ์ สัตหีบ หมอจ่ายยา Lexapro ให้ทานแล้วดีขึ้น
คือในขณะต้มกล้วยไว้ แล้วลืมปิดไฟ ใจวิตกกังวล ตกใจจนใจเต้นมาก
เพราะกลัวบ้านไฟไหม้ จึงเป็นเหตุให้เริ่มกลับมามี อาการแพนิค
เพื่อบรรเทาความทุกข์
เพื่อสร้าง สติ และ ปัญญาความรู้เชิงบวก
เพื่อความสุขในตน และ ครอบครัว
เพื่อลดยาลง จนกระทั่งหยุดยาได้ จาก ความเห็นของแพทย์
สิ่งที่ได้เรียนรู้ และเหตุการณ์ระหว่างวัน
ในการรับรู้ต่างๆ โดยเฉพาะฝึกให้รู้ทัน ความคิดลบ และ อารมณ์ลบ
เมื่อรู้ทันแล้ว เพียงรู้เฉย ปล่อยวาง จากนั้นย้ายไปรับรู้อารมณ์อื่นๆ แทน หรือ ย้ายไปทำกิจกรรม
ภารกิจ หน้าที่อื่น เพื่อไม่ให้จมไปกับ อารมณ์
เพิ่มคุณภาพเลือดไปเลี้ยงสมอง และช่วยในการนอนหลับเร็วขึ้น
ให้ลดปริมาณอาหาร ระวังน้ำตาล เพื่อช่วยโรคกรดไหลย้อน
ตอนนี้ไม่ร้องไห้เลย เข้าใจลูก คิดบวกได้ เฉยได้แล้ว
ความทุกข์หายไปราว 80-90% (โดยประมาณ จากการสัมภาษณ์)
แต่คิดบวกได้ทันใน รพ. ที่มีคนจำนวนมาก
แต่ยังมีแน่นๆ นิดหน่อย
เมื่อมีสิ่งกระตุ้น นอนไม่พอ เพลีย ไม่สบาย รีบร้อน เกิดอารมณ์รุนแรง ฯลฯ
เพราะมีระเบียบวินัย มุ่งมั่น ตั้งใจฝึกเจริญสติด้วยตนเองที่บ้านทุกวัน มีศรัทธา เข้าใจในหลักการ
ได้ทำการบ้าน และโทรส่งรายงานผลประจำทางไลน์
โรคซึมเศร้า / วิตกกังวล / เครียด / นอนหลับยาก / ย้ำคิดย้ำทำ
มาแล้วอย่างได้ผลดี ถ้าหากผู้ฝึก ได้ปฏิบัติตามเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง 3 เดือนช่วงแรก
และประเมินผลต่อเนื่องอีก 1 ปี
การเจริญสติ-วิปัสสนา ในการใช้บำบัด โรคย้ำคิดย้ำทำ (Obsessive Compulsive Disorder - OCD)
ตย. แม่บ้านอายุ ๕๐ ปี คน กทม. เคยอยู่ต่างประเทศ หมอจิตแพทย์เคยให้ทานยา Lexapro 10ml กินมากว่า ๔ เดือน และให้กินยา Lexotan เวลาเกิดอาการกลัวจนคุมไม่ได้ ต่อมาเลิกกินไปเพราะมึนงงไม่สบาย ตอนนี้ไม่ได้กินยามานานหลายปี และนานๆ จะกินยา Lexotan เมื่อมีอาการกลัวรุนแรง -มีอาการย้ำคิดย้ำทำ เพราะ กลัวสกปรก กลัวหนู เมื่อคิดถึงจะต้องไปล้างขา วันละ ๑๐ ครั้ง
ขั้นตอนการสอนเจริญสติบำบัดโรคย้ำคิดย้ำทำ
๑. สอบถามปัญหา
๒. หาเหตุในอดีตของเหตุการณ์สำคัญที่ส่งผล
๓. สร้างเป้าหมาย
๔. สอนวิธีการ ปฏิบัติ (เจริญสติ) นั่งสติ ทุกวัน ครั้งละ ๑๕ นาที เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน (เดินสติ/นั่งสติ) และการเจริญสติในระหว่างวัน
๕. สอนการนำเอาสติ ไปใช้รู้ทัน ความคิดลบ / อารมณ์ลบ / พฤติกรรมที่ย้ำคิดย้ำทำ คล้ายกับหลัก CBT (Cognitive Behavior Therapy)
๖. สอนเรื่องทฤษฎีความรู้ คู่ไปกับการฝึกเจริญสติ เช่น
- สติ/สมาธิ
- คิดลบ / คิดบวก
- การหาเหตุ(อดีต) / รู้ผล(อนาคต)
- วิธีแก้ปัญหาด้วยหลัก อริยสัจ ๔
- พรหมวิหาร ๔ (คนส่วนใหญ่มักจะไม่ได้ใช้หลัก อุเบกขา
- ความสุข ๓ ในพุทธศาสนา / บุญสูงสุด / ปัญญาในจิต
- การรู้จักหาความรู้ด้วยตนเองเป็น และลงมือทำให้สำเร็จ
๗. ส่งสอบอารมณ์/ถามตอบ/รายงานผลทุกเย็น
หลักจากฝึกไปแล้ว ๓ สัปดาห์ - สามารถลดการไปล้างขา โดยไม่มีเหตุผล ตามอารมณ์เหลือไม่กี่ครั้ง
ต่อวัน และบางวันที่มีสติดีสดชื่นไม่ง่วงจะรู้ทัน ไม่ได้ล้างขาด้วยอารมณ์เลย ตอนนี้ไม่กลัวภาพหนูแล้ว
-ยังมีความกลัวเกิดขึ้นในเรื่องอื่นอีก ในวันที่อ่อนเพลีย นอนไม่พอ งานมาก
-การฝึกยังต้องทำต่อไปให้เบาบางลงในปัญหาทางใจไปเรื่อยๆ อีกหลายเดือน และต้องฝึกเจริญสติ
เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำอีกในอนาคต
-ไม่ได้ทานยาจิตเวช เพราะใช้การเจริญสติ มาบำบัดแทน
-ปัจจุบันยังฝึกเจริญสติต่อเนื่อง และให้ฝึกต่อเนื่องทุกวันๆ ละหลายรอบ ตลอดไป เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ เพื่อเตรียมพร้อมกับเหตุการณ์เชิงลบที่จะเกิดขึ้นอีกในอนาคตอย่างแน่นอน
-ขอเชิญทุกวัดร่วมสอนการเจริญสติปัฏฐาน/วิปัสสนา เพื่อช่วยบำบัดโรคทางใจแก่ชุมชน-
ต่อมานั่งได้เพียง 10 นาที แต่มีปัญหาเรื่องการรับรู้ความคิด การสนทนาเล็กน้อย และมีปัญหาในการถ่ายทอดส่งอารมณ์การปฏิบัติ --- แต่ให้ฝึกเองทุกวัน คู่กับ การสอนแนวคิดหลักธรรมในปัญหาต่างๆ
สำหรับกรณีนี้ การสอนหลักการแนวคิดความรู้ สำคัญมาก และต้องรับฟังความในใจเพื่อให้ระบาย ทุกวัน แล้วค่อยๆ สอนการเจริญสติ ซึ่งสอนได้ยากมาก ต้องสอนที่ละเรื่อง
ดังนั้นวิธีช่วยเหลือที่สำคัญได้ผลดีที่สุด คือ การเป็นผู้รับฟัง แนะนำ ให้เขาระบาย และสอนแนวคิดเชิงบวกกุศล ให้กับเขา เป็นหลัก การเจริญสติภาคปฏิบัติ เป็นรอง
สามเดือนผ่านไป มีความรุนแรงลดลง มีแนวคิดเชิงบวกดีขึ้น แต่อารมณ์ยังแปรปรวนขึ้นๆลงๆ เมื่อใดมีเวลาว่างมากจะคิดฟุ้งซ่าน ยังคงฟังใจกับเรื่องที่ถูกเพื่อนแกล้งอยู่ในความทรงจำกลับมาบ่อยๆ จนทำให้เขาโกรธ
ทุกๆวันจะให้เขาเล่าเรื่อง ปัญหา สอนแนวคิด ใน 3 ด้านคือ นิสัยอารมณ์ตนเอง / ปัญหาในครอบครัว และ ปัญหาที่ทำงาน จากนั้นสนับสนุน ไม่ให้อยู่ว่าง โดยให้ไปทำงาน เรียนหนังสือ หากิจกรรมทำ และรับฟังให้คำปรึกษาสอนแนวคิดทุกวันเป็นประจำตลอดไปอีกนาน
การเจริญสติ (สติปัฏฐาน/วิปัสสนา) สามารถช่วยเหลือ โรคซึมเศร้า ควบคู่ กับการสอน หลักการ ความคิด อารมณ์ และพฤติกรรม ตนเอง พร้อมกับ สอน การรู้ทันคิดลบ คิดบวกเป็น ทำให้ช่วยบรรเทาความทุกข์ซึมเศร้า จมกับอารมณ์ตนเอง จนสามารถมีความคิดทัศนคติดีขึ้น กลับไปเรียน ทำงานได้ดี ปรับตัวเข้าใจอยู่กับปัญหาครอบครัวได้
การฝึกเจริญสติจะให้ฝึกทำทุกวันต่อเนื่องไป 3 เดือน และพบกันอาทิตย์ละครั้งเพื่อสนทนาปัญหาและรายงานการฝึก
ตย. นิสิตชาย 30 ปี อยู่ อ้อมน้อย สมุทรสาคร ไม่ใช่ชาวพุทธ ได้มาฝึกต่อเนื่องราว 3 เดือน แลัวกลับไปฝึกเองที่บ้านทุกวัน --- ปัจจุบันกลับไปเรียน เข้าใจตนเอง ทำงานได้ ปรับตัวอยู่กับครอบครัว มีทัศนคติ คิดบวกมากขึ้น ชีวิตมีความสุขกว่าเก่า ความทุกข์ลดลงไปมาก
มีความคิดลบ กับตนเอง คิดบ่อยๆ น้อยใจ ขาดความมั่นใจ ใช้ภาษาพูดสัปสนไม่ต่อเนื่อ
หลังจากมาฝึก เจริญสติ (สติปัฏฐาน/
ปัจจุบันสามารถพัฒนาตนเองด้
แม้จะดีขึ้นมากแล้ว แต่ต้องมาฝึกทบทวนประเมินผล
การเจริญสติเป็นยาป้องกันโร
ชาวบ้านรอบชุมชนทุกแห่งกำลั
ตย. ผู้ฝึกหญิงอายุประมาณ 30 อยู่ลาดพร้าว - ทานยาแก้ซึมเศร้ามาในระยะปร
ต่อมาฝึกเจริญสติ คู่ กับ เข้าใจความคิด / อารมณ์ /
สรุป ความทุกข์ลดหายไปมาก สามารถนอนหลับได้ปกติ คิดบวกมากขึ้น ทำงานได้ดีกว่าเก่า มีผลบวกทุกด้าน และ สามารถหยุดการทานยา รพ. เพราะพึ่งทานยาแก้โรคซึมเศร
แต่ได้สอนผู้ฝึกว่า อารมณ์ซึมเศร้า จะกลับมาได้ใหม่ตลอดเวลาในอ
ตย - นิสิต ทันแพทย์ อายุประมาณ 22 ปี อยู่ กทมฯ - มีอาการวิตกกังวล เวลาเจอสถานการณ์บางอย่าง หรือฝึกกับเครื่องมือใหม่ๆ หรือก่อนทำข้อสอบ จะเกิดอาการคลื่นไส้ จะอาเจียน เวียนศรีษะ เพราะเกิดวิตกกังวล ประหม่า กลัว ขึ้นมา ---
เมื่อได้ฝึกอยู่หลายเดือนทุ
Vipassana Mindfulness Meditation การเจริญสติ-สติปัฏฐาน-วิปั
ปัจจุบันมีคนป่วยซึมเศร้าทั
ตย. โยคีชายอายุ 45 ป่วยซึมเศร้า อยู่แถวอ้อมน้อย กระทุ่มแบน - เคยประสบความสำเร็จในการเป็
ปัจจุบันได้รับผลดีขึ้นมาก ทั้งด้าน ตน /
1. กรณีศึกษา : ก.ย. 2558
ตัวอย่าง นิสิตอายุ 22 ปี อยู่ บางใหญ่ วงแหวน - เรียนอยู่ ระดับ ป.ตรี
เคยป่วยเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ (OCD - Obsessive Compulsive Disorder) ประมาณ 2 ปี และได้ทานยาจิตแพทย์ด้วย - ต่อมาได้มาฝึกที่ ศูนย์เจริญสติ วัดลาดพร้าว เป็นประจำ ราว 5 เดือน อาทิตย์ละประมาณ 4-5 วัน ช่วงเย็น และมีอาการดีขึ้น จนแพทย์ บอกว่า ดี ไม่ต้องทานยาก็ได้
จากนั้นหยุดการปฏิบัติเจริญ
ยุคสมัยนี้ คนอายุน้อยๆ ก็ป่วยเป็นโรคทางใจกันมากขึ้นกว่าสมัยก่อน เช่น โรคซึมเศร้า วิตกกังวล ย้ำคิดย้ำทำ สมาธิสั้น แล้ว ครับ